วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554

ลดความอ้วนด้วยสะระแหน่


แค่ดมสาระแหน่ลดความอ้วนได้จริงหรือ
ผักสะระแหน่ไทย
นักจิตวิทยาผู้มีชื่อเสียงของสหรัฐฯ แนะนำว่าหากอยากลดความอ้วน ให้ดมกลิ่นสะระแหน่ก่อนจะกินอาหารทุกมื้อ มันจะทำให้กินได้น้อยลง ชั่วเวลาอาทิตย์เดียวจะกินน้อยกว่าปกติลงไปเฉลี่ยแล้ว 1,800 แคลอรีดร.ไบรอัน รอดเดนบุช ผู้ช่วยศาสตราจารย์วิชาจิตวิทยา มหาวิทยาลัยวีลิ่ง เจซัสต์ ที่รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย กล่าวแจ้งว่า จากการทดลองพบว่า  กลุ่มตัวอย่างสามารถกินน้อยกว่าปกติเฉลี่ยแล้วอาทิตย์ละ  1,800  แคลอรี  "กลิ่นสะระแหน่ช่วยลดความอยากอาหาร ลดความหิว จึงทำให้คนกินน้อยลง ซึ่งจะพลอยทำให้น้ำหนักตัวลดน้อยลงไปด้วย"เขาเชื่อว่า คงจะต้องทำการวิจัยให้มากขึ้นอีก กว่าจะพิสูจน์ได้ว่า ในระยะยาวกลิ่นบางชนิดจะทำให้กินอาหารได้น้อยลงในอเมริกาทุกวันนี้ ได้มีการโฆษณาอวดอ้างระบบใหม่ของการลดน้ำหนัก ด้วยการดมกลิ่นบางอย่าง แล้วจะทำให้กินอาหารโปรดได้น้อยลง โดยใช้สารบางอย่างโรยลงบนอาหารแบบเดียวกับที่โรยเกลือป่น หรือน้ำตาล อ้างว่าจะทำให้กินอิ่มเร็วขึ้น เพราะสารนั้นได้ไปกระตุ้นให้สมองรู้สึกอิ่มเร็วขึ้นกว่าปกติ.
ที่มา : แหล่งรวมบทความซุบซิบ

วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2554

บำรุงผิวสวยด้วยผักและผลไม้


ถ้าคุณมีปัญหาสิวที่ไม่ยอมหายง่าย ๆ 
          คุณควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล เพราะจะทำให้ผิวไวต่อการอักเสบมากขึ้น ฉะนั้น ในช่วงที่สิวยังไม่หายนี้คุณก็ควรเลือกกินผลไม้ที่ไม่ค่อยมีน้ำตาลอย่าง ฝรั่ง ชมพู่ มะละกอ และธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี
  ถ้าคุณมีปัญหาผิวแห้ง 
          คุณก็ควรกินอาหารที่กรดไมันโอเมก้า-ในปริมาณสูง อย่างเช่น ผลไม้เปลือกแข็ง ปลาแซลมอน ถั่วเหลือง เพราะจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวของคุณได้ แถมผู้เชี่ยวชาญในเรื่องอาหารยังบอกอีกด้วยว่า อาหารพวกนี้ช่วยลดความเครียดให้คุณได้ด้วย
  ถ้าคุณเผลอบีบสิว (ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณไม่ควรเผลอบ่อย ๆ) 
          คุณก็ควรทาโลชั่นที่มีส่วนผสมของชาเขียว น้ำมันที-ทรี หรือสารสกัดจากชะเอม เพราะจะช่วยป้องกันการติดเชื้อ และช่วยให้รอยแดง ๆ จากการบีบสิวจางลงได้
  ถ้าคุณมีผื่นคันเกิดขึ้นตามร่างกาย 
          ก็ลองบดแตงกวาที่ปลอกเปลือกออกแล้วให้ละเอียด แล้วทาลงบนผิวในบริเวณที่มีปัญหา ปล่อยทิ้งไว้ซักประมาณสองสามนาที เพื่อช่วยขจัดรอยแดง ๆ และอาการระคายเคืองออกไป
ที่มา : www.kapook.com

วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2554

ค้นพบยีนควบคุมโรคอ้วน



คณะผู้วิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และ University of California , San Diego ได้เปิดเผยถึงยีน (gene) ควบคุมภาวะการตอบสนองของinsulin ในคน เรียกว่า JNK (ชื่อเล่นว่า junk!)(c-Jun Amino-terminal kinases)

ภาวะความอ้วน โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นเบาหวาน สัมพันธ์กับภาวะที่เรียกว่า insulin resistance( มีฮอร์โมนอินสุลิน แต่ไม่ตอบสนองต่ออินสุลินดีเท่าที่ควร ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง) คณะผู้วิจัยได้ทำการทดลองในหนูสองกลุ่ม กลุ่มแรกไม่มี JNK1 และ JNK2 อีกกลุ่มมี JNK geneลองให้อาหารอย่างเดียวกัน พบว่า กลุมที่มี JNK gene มีน้ำหนักขึ้นสูงที่สุด โดยเฉพาะ ถ้ามี JNK ก่อให้เกิดภาวะเบาหวาน น้ำตาลขึ้นด้วย

นี่อาจจะเป็นคำตอบในอนาคต โดยพันธวิศวกรรมศาสตร์ ตัดเอายีน JNK1 ออก เราอาจเอาชนะโรคอ้วนและเบาหวานได้ !
ขอขอบคุณ thaihealh.net ด้วยครับ

อาหารไขมันต่ำ

เรื่องการอยู่การกินนั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ “อาหารไขมันต่ำ” เป็นคำที่คุ้นเคยสำหรับคนที่ต้องการมีสุขภาพดี แต่บางคนก็ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าอันไหนที่เข้าข่ายกินได้กินดี วันนี้จึงขอรวบรวมเอากลุ่มอาหารประเภทผัก ผลไม้ และสมุนไพรที่ช่วยลดไขมัน ที่ผู้มีภาวะไขมันในเลือดสูงควรรู้จักกันไว้ โดยทั่วไปแล้ว คนที่ต้องการลดคอเลสเทอรอลก็จะต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำจากไขมันอิ่มตัว อย่างไขมันจากสัตว์ถ้าตัดได้ก็ตัดไปเลย อาหารในกลุ่มข้าวโอ๊ต จะช่วยลดคอเลสเทอรอลตัวร้ายลงได้ ปลาก็เป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมกา 3 มีคุณสมบัติช่วยลดคอเลสเทอรอล และไตรกลีเซอไรด์ ที่ไม่ควรมองข้ามอีกอย่างก็คืออาหารจากถั่วเหลือง ก็มีคุณสมบัติลดคอเลสเทอรอลได้เช่นกัน นอกจากนี้ อาหารที่มีกากใยสูงก็จะช่วยลดคอเลสเทอรอลลงได้ โดยจะพบในผักผลไม้ต่างๆ ได้แก่ ผักใบเขียว ถั่ว บร็อกโคลี แอปเปิ้ล ข้าวที่ไม่ขัดสี ข้าวซ้อมมือ ในส่วนของสมุนไพรที่ใช้ลดภาวะไขมันในเลือดได้ ก็มีหลายอย่าง เช่น ดอกคำฝอย กระเจี๊ยบ กระเทียม หอมหัวใหญ่ ซึ่งสองชนิดหลังนี้เป็นสมุนไพร ที่หาได้ง่ายในครัวเรือนของเราเอง คุณพิทักษ์ ตีเหล็ก แนะนำไว้ใน “อภัยภูเบศรสาร” จดหมายข่าวของมูลนิธิ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาว่า ให้กินกระเทียมสดสับให้ละเอียด 1 ช้อนพูนวันละ 3 ครั้ง จนระดับไขมัน ลดลงสู่ภาวะปกติ แล้วค่อยลดลงเหลือวันละครั้ง ควรกินกระเทียมพร้อมกับโปรตีน หรืออาหารเพื่อลดอาการคลื่นไส้อาเจียน ส่วนหอมหัวใหญ่นั้นให้กิน 1/4 หัว วันละ 3 ครั้ง นอกจากสมุนไพรแล้ว การออกกำลังกายก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำไปพร้อมกัน จึงจะช่วยควบคุมระดับไขมันในเลือดได้
ขอบคุณ zubzip.com

วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2554

เคล็ดลับทำน้ำพริกกะปิให้อร่อยถึงใจ

ใครที่ชอบทานน้ำพริกกะปิ วันนี้ผมมีวิธีตำน้ำพริกกะปิให้อร่อยมาฝากกัน... วิธีตำน้ำพริกกะปิให้อร่อย คือ เริ่มตั้งแต่การเลือกซื้อกะปิ ต้องเป็นกะปิดี หอมไม่หืน กระเทียมที่ใช้ควรเป็นกระเทียมกลีบเล็ก เพราะจะหอมกว่ากระเทียมเม็ดใหญ่ พริกขี้หนูก็เหมือนกันควรเป็นพริกขี้หนู เม็ดเล็ก และก่อนจะตำให้เอาใบตองมาห่อกะปิไปปิ้งให้หอม หลังจากนั้นก็เอาไปตำตามสูตรของตัวเองได้เลย ทั้งรส เปรี้ยว หวาน เค็ม ตามชอบ แต่ถ้าอยากให้น้ำพริกดูมีเนื้อข้น แนะนำให้ใส่กุ้งแห้งลงไปตำด้วย เคยลองใช้น้ำส้มคั้นผสมลงไปด้วย ให้รสหวานอมเปรี้ยวกลมกล่อม ก็จะเพิ่มรสชาติให้อร่อยยิ่งขึ้น รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าอยากทานน้ำพริกกะปิอร่อย ๆ ก็ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้.


ขอบคุณ เดลินิวส์ออนไลน์

วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2554

น้ำพริกกับข้าวรสแซบ

รายละเอียด :
“นอกจากน้ำพริกจะเป็นกับข้าวพื้นฐานของไทยแล้ว น้ำพริกก็ยังเป็นศูนย์กลางของสำรับซึ่งมีกับข้าวหลายอย่าง…น้ำพริกจะต้องตั้งอยู่ตรงกลางและกับข้าวอื่นๆ ที่จะมาแวดล้อมประกอบเป็นสำรับนั้นในการทำจะต้องคำนึงถึงน้ำพริกก่อนว่าเป็นน้ำพริกอะไร…”

“น้ำพริกนั้น นอกจากจะเป็นกับข้าวของไทยแล้ว ยังเป็นวัฒนธรรมไทยอย่างหนึ่ง คนไทย ต้องรู้จักน้ำพริก ต้องรับประทานน้ำพริกให้เป็น หมายความว่าจะต้องรู้วิธีว่า จะเอาอะไรจิ้มกับน้ำพริก แนมด้วยปลาย่างหรือปลาทอด…เหล่านี้
เป็นวัฒนธรรมไทยซึ่งมีมาแต่โบร่ำโบราณทั้งสิ้น” (ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช)

เชื่อว่า พวกเราคนไทยคงไม่มีใครไม่รู้จัก ม. ร. ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช กันนะคะท่านเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงแทบจะทุกด้านในสังคมบ้านเรา ไม่ว่าจะในฐานะนักการเมือง นักแสดง นักเขียน หรือสื่อมวลชน ท่านก็โดดเด่นมาแล้วทั้งนั้น
และสำหรับเรื่องสำรับกับข้าว ท่านก็ยังเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเอกในวงการอีกด้วยนะคะใครที่เกิดทันอ่านสยามรัฐสมัยก่อนคงได้เห็นคอลัมน์ซอยสวนพลูที่ท่านเขียนเรื่องอาหารให้อ่านกันนะคะ สนุกราวกับว่าไม่ใช่คอลัมน์ทำกับข้าวเลยเชียวค่ะ

น้ำพริก เป็นอาหารที่เราคุ้นเคยกันดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว มีหลากหลายจนแม่อบเชยเหนื่อยแทบขาดใจเวลาอธิบายเรื่องน้ำพริกให้ฝรั่งฟัง อย่าว่าแต่ฝรั่งมังค่าเลยค่ะเพราะขนาดเพื่อนคนไทยกันเองในปัจจุบันนี้ก็ยังรู้จักอยู่เพียงไม่กี่ชนิด
เท่านั้นเอง และที่สำคัญก็ยิ่งรู้กันน้อยลงไปว่า น้ำพริกแต่ละอย่างน่ะ มีที่มาหรือที่ไปอย่างไร มีอะไรเป็นส่วนประกอบ และรับประทานกันอย่างไร ควรจะเป็นผักชนิดไหนและทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เชื่อเถอะค่ะว่า หาคำตอบกันยากกว่าเล่นเกมเศรษฐี
อย่างไม่ต้องสงสัยเพราะน้ำพริกบ้านเรานั้น มีหลายชนิดจนบางคนบอกว่ากินไม่ซ้ำรายการตลอดชีวิตยังไม่หมดเลยค่ะ ดูเหมือนประโยคนี้จะกล่าวเกินจริงไปสักหน่อย แต่ลองฟังนิทานเรื่องนี้สิคะ แล้วจะเชื่อว่า ประโยคข้างต้นไม่เกินจริงค่ะ

พระราชาพระองค์หนึ่ง เกิดจะเลียนแบบพระเจ้ากาหลิบแห่งนิทานพันหนึ่งราตรีของอาหรับขึ้นมาเลย ประกาศว่า แต่ละคืนให้หาสนมมาเข้าเฝ้าหนึ่งนางและรุ่งขึ้นให้ประหารเสีย แต่มีสนมนางหนึ่งที่แสนจะฉลาดเหลือหลาย รู้ว่าผู้ชาย
นั้นความรักเดินทางผ่านปากสู่กระเพาะเลยเล่าเรื่องการทำน้ำพริกถวายในคืนแรก และด้วยลีลาของนักเล่านิทานชั้นเยี่ยมทำให้พระราชาเกิดอยากจะเสวยน้ำพริกชนิดนั้นขึ้นมา เลยปล่อยให้สนมนางมีชีวิตต่ออีกหนึ่งวันเพื่อทำน้ำพริกถวาย และคืนต่อมาก็เป็นเช่นนี้ทุกคืนๆ สนมนางนั้นก็มีชีวิตรอดเรื่อยมา ในนิทานเล่าว่า สนมนางนั้นไปแก่ตายเอาตอนเล่าถึงน้ำพริกเครื่องหลน นั่นหมายความว่าขนาดเล่าเรื่องน้ำพริกตั้งแต่สาวจนแก่ตาย รายการน้ำพริกก็ยังไม่หมดสต็อกเลยด้วยซ้ำ
"แซบอีหลีเด้อค่า…"

เมื่อไม่นานมานี้ก่อนละครหลังข่าวเรื่องพันท้ายนรสิงห์จะออกอากาศนั้น เพื่อนของแม่อบเชยซึ่งเป็นครูประถมในโครงการนำร่องประเภทเรียนโดยไม่ต้องท่องมาเล่าเรื่องชวนอมยิ้มให้ฟังค่ะ เธอถามนักเรียนว่า “นักเรียนคะ มีใครรู้จัก
พันท้ายนรสิงห์ ไหมคะ” เด็กตัวเท่าเมี่ยงคนหนึ่งยกมือขึ้นขอตอบด้วยความมั่นใจเต็มร้อยว่า “รู้จักครับ บ้านผมก็มี“ ครูถึงกับอึ้งกิมกี่และต้องขอให้นักเรียนอรรถาธิบายว่าเพราะอะไร “พันท้ายนรสิงห์ วีรบุรุษแห่งความซื่อตรง” จึงได้ไปอยู่ที่บ้านนักเรียนได้ นักเรียนจึงได้ไขข้อข้องใจให้ครูว่า “ มีจริงๆ นะครับ ตอนเช้าๆ คุณยาย ยังเอาทาขนมปังรับประทานเลย แต่ผมไม่ค่อยชอบครับ กลิ่นแปลก ๆ” กว่าครูจะถึง บางอ้อ ว่านักเรียนหมายถึงน้ำพริกเผาตราพันท้ายนรสิงห์ก็หลงอยู่บางระเง็งตั้งนานสองนาน แต่ความจริง จากเรื่องที่เพื่อนแม่อบเชยเล่ามานี้ก็พอจะบอกได้เหมือนกันนะคะว่า เด็กรุ่นเรียนแบบไม่ท่อง สอนจากสิ่งแวดล้อมนั่นน่ะ รู้จักน้ำพริกซึ่งยังพอมีในสิ่งแวดล้อมมากกว่าวีรบุรุษในประวัติศาสตร์เสียอีกค่ะ ไม่รู้ว่าจะน่าดีใจหรือเปล่านะคะ

วันนี้แม่อบเชยขอจบเรื่องน้ำพริกลงตรงนี้ก่อนนะคะ เพราะว่าถ้าให้เล่าให้ครบทุกเรื่องก็คงเขียนจบตอนแก่หง่อมเป็นสนมนางนั้นไปด้วยเหมือนกันแหละค่ะวันหลังเราค่อยมาว่ากันด้วย น้ำพริกกันใหม่นะคะ ทั้งถ้วยเก่า ถ้วยใหม่ ถ้วยไหนๆ
เราก็จะไม่เว้นกันล่ะค่ะ

อ่านเพิ่มเติม คลิกที่นี่

ที่มา: http://www.thaifooddb.com/article/article038.html

วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2554

สูตรลดความอ้วน

สูตรเด็ดลดความอ้วน 

สำหรับคนที่อยากลดความอ้วนโดยเฉพาะสาวๆ ทั้งหลาย ผม เลยหาสูตรต่างๆมาฝาก
ใครที่มีปัญหา น้ำหนักขึ้นๆลงๆ (ขึ้นไว ลงไว...) สูตรนี้ไม่จำเป็นต้องอดอาหารให้ทรมาร
 เพราะนั่นแหละอันตรายยิ่งกว่าเรากินอีก มาเริ่มกะสูตรทั่วไปกันเลยดี
สูตรลับไดเอต




วันที่ 1
อาหารเช้า........ฝรั่ง กล้วยน้ำว้า โยเกิร์ต
เครื่องดื่ม.........น้ำมะละกอปั่นผสมกับน้ำส้มคั้นและขิงเล็กน้อยผสมน้ำลง ไปเจือจาง
อาหารกลางวัน........ข้าวต้มปลากับหน่อไม้ฝรั่งสีเขียว
น้ำผลไม้..........ปั่นมะละกอครึ่งผลกับน้ำส้มคั้น 50 มิลลิกรัมและโยเกิร์ต 100 กรัม
อาหารเย็น..........ก๋วยเตี๋ยวไก่
วันที่ 2
อาหารเช้า..........ไข่เจียวใส่หอมซอย ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
ผลไม้........กล้วยน้ำว้า 1 ผล และสับปะรด 1 ชิ้น
อาหารกลางวัน.........แกงจืดวุ้นเส้น ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
เครื่องดื่ม...........น้ำมะละกอปั่นผสมน้ำส้มและขิงเล็กน้อย ผสมน้ำลงไปเจือจาง
อาหารเย็น...........แกงเผ็ดเนื้อ ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
วันที่ 3
อาหารเช้า.........กล้วย มะละกอ และโยเกิร์ต
ผลไม้......สับปะรด
อาหารกลางวัน........ต้มยำกุ้ง ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
ผลไม้......กล้วย 1 ผล
อาหารเย็น..........ผัดผักรวมมิตร ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
วันที่ 4
อาหารเช้า.....ไข่เจียวกับพริกหวาน (ไข่หนึ่งฟอง) ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
ผลไม้.....ฝรั่งและกล้วยน้ำว้าอย่างละ 1 ผล
อาหารกลางวัน........ข้าวต้มหมู
เครื่องดื่ม.....น้ำมะละกอปั่นผสมน้ำส้มและขิงเล็กน้อย ผสมน้ำลงไปเจือจาง
อาหารเย็น.........ผัดผักเปรี้ยวหวานกุ้ง ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
วันที่ 5
อาหารเช้า......กล้วยน้ำว้า มะละกอ และโยเกิร์ต
เครื่องดื่ม.......น้ำฝรั่ง 1 แก้ว
อาหารกลางวัน..........แกงจืดวุ้นเส้นใส่ผัก ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
ผลไม้..........มะม่วง 1 ผล
อาหารเย็น..........แกงเผ็ดไก่ ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
วันที่ 6
อาหารเช้า........ไข่เจียวกับมะเขือเทศ ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
ผลไม้......สับปะรด ฝรั่ง
อาหารกลางวัน............ข้าวต้มกุ้ง
เครื่องดื่ม........น้ำมะม่วงปั่นผสมกับน้ำส้มคั้นและขิงเล็กน้อย ผสมน้ำลงไปเจือจาง
อาหารเย็น..........ก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ๋ว
วันที่ 7
อาหารเช้า......สับปะรด กล้วยน้ำว้า และโยเกิร์ต
เครื่องดื่ม...น้ำมะม่วงปั่นผสมกับน้ำส้มคั้นและขิงเล็กน้อย ผสมน้ำลงไปเจือจาง
อาหารกลางวัน.........แกงป่าไก่ ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
เครื่องดื่ม......น้ำสับปะรดปั่น
อาหารเย็น.......ผัดผักใส่เต้าหู้ ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี

ลดความอ้วนแบบดารานางแบบฮอลลีวูด
ดารานางแบบ ฮอลลีวูด เค้าสวยผอมได้ทันใจเหมือนสั่งได้เลยใช่มั้ยครับ นั่นเพราะเค้ามีสูตรดี
ก็เลยเอามาฝากทุกๆ ด้วย  สูตรนี้ใช้เวลาเพียงแค่ 7 วันเท่านั้น  แต่ถ้าจะทำนานว่านั้น
ก็ไม่ว่าอะไรกันครับ
          * กินแฮมต้ม 2 แผ่นในมื้อเช้าตลอด 7 วัน
          * มื้อกลางวันกินผลไม้สดบ้าง สลัดผลไม้บ้างในบางวัน
          * กินซุปผักโขม 1-2 ถ้วย ในมื้อเย็นตลอด 7 วัน

สูตรนางแบบไทย
มาดูสูตรที่นางแบบไทยเค้าใช้กันบ้าง เช่นเดียวกันใช้เวลา 7 วัน
          * กินแอปเปิ้ลเขียว 1 ผลเป็นมื้อเช้าตลอดทั้ง 7 วัน ถ้าไม่ชอบก้อาจกินแอปเปิ้ลเขียว
ให้กินส้มหรือ ฝรั่งหรือ มะละกอหรือสับปะรดแทนได้ แต่ห้ามกินผลไม้หวานจัด
เช่น เงาะ ละมุด มังคุด น้อยหน่า องุ่น
          * มื้อกลางวัน กินเกาเหลาใส่ผักเยอะๆ สลับกับส้มตำและปลาดุกย่างตลอด 7 วัน
อาจเปลี่ยนปลาย่างเป็นปลานึ่งตัวเล็กๆ 1 ตัวกินกับผักนึ่งก็ได้
          * มื้อเย็น กินซุปผักหรือแกงจืดสลับกับสลัดผักใส่ไข่ต้มหั่นเป็นแว่นๆ สลับกับแฮมต้ม 2 แผ่น
ทั้ง 7 วัน

สูตรผอมทันใจ
อันนี้เค้าว่ามาอย่างนี้นะ ไม่รู้ว่าจะผอมได้ทันใจจริงๆ รึเปล่า แต่ถ้าหากประเภทหนัก 100 กิโล
จะมาผอมเหลือ 40 กิโลภายใน 7 วันก็คงเป็นไปไม่ได้ แบบนั้นอันตรายเกินไป
เอาเป็นว่าลดได้ตามสภาพร่างกายของแต่ละคนละกัน  สูตรนี้ก็ใช้เวลา 7 วันเช่นกัน
          * กินไข่ต้ม 1 ฟอง เป็นอาหารเช้า 4 วันติดกัน อีก 3 วันที่เหลือกิน กล้วย 1 ผล
          * มื้อกลางวันกินส้มตำกับตับปิ้ง 1-2 ไม้ บางวันอาจเปลี่ยนเป็นส้มตำกับซุบหน่อไม้แทนได้
ถ้าไม่ชอบท้องถิ่นมากก็เปลี่ยนมาทานสลัดผักสดกับทูน่าแทน กินอย่างนี้ 4 วัน  อีก 3 วันที่เเหลือ
ให้กินก๋วยเตี่ยวไก่
          * มื้อเย็นกินผักนึ่งกับน้ำพริก ไม่กินข้าว  บางวันอาจมีปลานึ่งตัวเล็กๆ 1 ตัว กินอย่านี้ตลอด 7 วัน
ถ้าไม่ชอบน้ำพริกให้กินแกงจืดผักเยอะและใส่เห็ดฟาง

สูตรลดน้ำหนักด่วนแบบจีน
          เรามีสูตรลดน้ำหนักแบบดาราฮอลีวูดกันมาแล้ว วันนี้เราก็ขอเสนอ สูตรลดน้ำหนักแบบด่วน
ของจีน กันบ้างลองดูครับ  อาจจะไม่โหดเท่าของฮอลีวูดก็ได้
          * กินข้าวต้ม 1 ถ้วยทั้งมื้อเช้าและกลางวันตลอด 7 วัน
          * กินแกงจืดฟักใส่กุ้งแห้ง 1 ถ้วย สลับกับกินต้มจับฉ่ายในมื้อเย็นตลอด 7 วัน

          สูตรนี้น่าจะทำ ได้ง่าย  เพราะได้ทานข้าวกันตั้ง 2 มื้อ แต่ก็ต้องระวังหน่อยนะ
อย่าทานข้าวเยอะเกินไป
          - หมายเหตุ มื้อเช้าทานข้าวต้ม ในสูตรไม่ได้บอกว่าทานกับอะไร เข้าใจว่าน่าจะทาน
ข้าวต้มเปล่าๆ แต่ก็น่าจะหากับข้าวเบาๆ มาทานด้วยก็ได้ เช่น ปลากรอบ ไข่ต้ม ยำกุ้งแห้ง
ยำผักดอง เป็นต้น  เลือกกับที่ไม่มีไขมัน

ลดหุ่น 7 วันโปรแกรมที่ 1 สูตรยอดนิยม

         ผมมีโปรแกรมลดน้ำหนักมาให้คุณ เป็นโปรแกรม 7 วันครับ โดยที่ผมมี 3 โปรแกรมมาให้เลือก
ลองเลือกดูนะครับว่าโปรแกรมไหนจะเหมาะกับคุณมากที่สุด
วันที่ 1
เช้า.............................ไข่ต้ม 1 ฟอง
กลางวัน.....................ก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม
เย็น..............................ทูน่า 1 จานเล็ก (1 กระป๋องทูน่าในน้ำเกลือ) บีบมะนาว และใส่พริกไทยให้มากๆ
ของว่าง......................ผลไม้ โยเกิร์ต
ออกกำลังกาย............เดินเร็ว 35 นาที
วันที่ 2
เช้า...........................ไข่ต้ม 1 ฟอง
กลางวัน...................ก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม
เย็น............................ทูน่า 1 จานเล็ก (1 กระป๋องทูน่าในน้ำเกลือ) บีบมะนาว และใส่พริกไทยให้มากๆ
ของว่าง.....................ถั่วลิสง 2 ช้อนโต๊ะ
ออกกำลังกาย...........เต้นแอโรบิก 45 นาที

วันที่ 3
เช้า............................แฮมต้ม 2 แผ่น
กลางวัน...................ข้าวราดผัดผัก
เย็น.............................น้ำพริกกับผักลวก (ไม่มีข้าว)
ของว่าง.....................เมล็ดทานตะวัน 2-3 ช้อนโต๊ะ
ออกกำลังกาย..........กายบริหาร 20-30 นาที (ชั่งน้ำหนัก)

วันที่ 4
เช้า................................แฮมต้ม 2 แผ่น
กลางวัน.......................ข้าวราดแกง
เย็น................................น้ำพริกกับผักสด
ของว่าง.........................ข้าวโพดต้ม 1 ฝัก
ออกกำลังกาย...............เต้นแอโรบิก 60 นาที

วันที่ 5
เช้า..................................ไข่ต้ม 1 ฟอง
กลางวัน..........................เกาเหลาลูกชิ้น ใส่ผักเยอะๆ
เย็น..................................ซุบผักหรือต้มจับฉ่าย
ของว่าง...........................ผลไม้ โยเกิร์ต
ออกกำลังกาย................กระโดดเชือก 20 นาที (ชั่งน้ำหนัก)

วันที่ 6
เช้า................................ไข่ต้ม 1 ฟอง
กลางวัน........................เกาเหลาลูกชิ้น ใส่ผักเยอะๆ
เย็น.................................ซุบผักหรือต้มจับฉ่าย
ของว่าง.........................ขนมปังโฮลวีตทาแยมผลไม้
ออกกำลังกาย..............กายบริหาร 20-30 นาที

วันที่ 7
เช้า................................โจ๊ก 1 ถ้วย
กลางวัน........................สลัดผักหรือส้มตำหรือซุบหน่อไม้
เย็น................................ปลานึ่ง ผักลอกจิ้มน้ำพริก
ของว่าง........................กล้วย 1 ผล
ออกกำลังกาย..............กายบริหาร 20-30 นาที (ชั่งน้ำหนัก)

ลดหุ่น 7 วันโปรแกรมที่ 2 สูตรเข้มข้น

          สูตรนี้เป็นสูตรล้างพิษแบบประยุกต์และยังทำให้น้ำหนักลดลงได้อย่างรวดเร็ว ด้วยครับ
ซึ่งสูตรทำซุปผักต่างๆ

วันที่ 1
เช้า น้ำแอปเปิ้ลปั่นสดไม่ใส่น้ำตาล
กลางวัน ซุปผัก
เย็น ซุปผัก
ถ้าหิว  แอปเปิ้ลเขียว 1 ผล

วันที่ 2
เช้า น้ำแอปเปิ้ลปั่นสดไม่ใส่น้ำตาล
กลางวัน ผักสด น้ำสลัดใส คลุกน้ำมันมะกอกและบีบมะนาวเท่านั้น
เย็น ผักสด น้ำสลัดใส คลุกน้ำมันมะกอกและบีบมะนาวเท่านั้น
ถ้าหิว  แอปเปิ้ลเขียว 1 ผล (ชั่งน้ำหนัก)

วันที่ 3
เช้า น้ำองุ่นแดงบีบหรือคั้น
กลางวัน ผักต้มหรือนึ่ง (แครอท ผักโขม บร็อกโคลี)
เย็น มันฝรั่งต้ม หรือซุปหอมใหญ่ใส่มันฝรั่ง
ถ้าหิว  โยเกิร์ต

วันที่ 4
เช้า น้ำองุ่นแดงบีบหรือคั้น
กลางวัน มันฝรั่งต้ม หรือไข่ต้ม 2 ฟอง
เย็น โจ๊กใส่ไข่ 1 ถ้วย
ถ้าหิว  กล้วย 1 ผล

วันที่ 5
เช้า น้ำมะละกอปั่น
กลางวัน ซุปผักรวมกับขนมปังโฮลวีต 1 แผ่น
เย็น โจ๊กใส่ไข่ 1 ถ้วย
ถ้าหิว  กล้วย 1 ผล  (ชั่งน้ำหนัก)

วันที่ 6
เช้า น้ำมะละกอปั่น
กลางวัน ซุปผักรวมกับขนมปังโฮลวีต 1 แผ่น
เย็น โจ๊กใส่ไข่ 1 ถ้วย
ถ้าหิว  กล้วย 1 ผล (ชั่งน้ำหนัก)

วันที่ 7
เช้า น้ำมะละกอปั่น
กลางวัน สลัดผักสดกับแฮมหรือเนื้อไก่ฉีก
เย็น ซุปผักรวม
ถ้าหิว  โยเกิร์ต

ลดหุ่น 7 วันโปรแกรมที่ 3 สูตรดั้งเดิม

          สูตรนี้เป็นสูตรสำหรับคนที่ต้องการเดินสายกลางครับ ไม่ควบคุมอาหารจนโหย แต่เน้น
การเผาผลาญพลังงานครับ

วันที่ 1
เช้า โจ๊ก 1 ถ้วย
กลางวัน ก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม
เย็น ซุปผัก
ออกกำลังกาย  เดิน 30 นาที
ของว่างระหว่างมื้อ  กินผลไม้หรือกล้วย 1 ผลทุกวัน

วันที่ 2
เช้า โจ๊ก 1 ถ้วย
กลางวัน ข้าวราดแกง 1 จาน
เย็น ผลไม้รวม 1 จาน
ออกกำลังกาย  วิ้งจ๊อกกิ้ง 40 นาที

วันที่ 3
เช้า ไข่ต้ม 2 ฟอง
กลางวัน ซุปผักรวม
เย็น ซุปผักรวม
ออกกำลังกาย  พัก (ชั่งน้ำหนัก)

วันที่ 4
เช้า โยเกิร์ต 1 ถ้วย
กลางวัน ข้าวราดแกง 1 จาน
เย็น ปลานึ่งกับน้ำพริกผักลวก
ออกกำลังกาย  เต้นแอโรบิก 60 นาที

วันที่ 5
เช้า โยเกิร์ต 1 ถ้วย
กลางวัน เกาเหลาลูกชิ้นใส่ผักเยอะๆ 1 ถ้วย
เย็น ข้าวต้มปลา 1 ถ้วย
ออกกำลังกาย  ว่ายน้ำ 60 นาที (ชั่งน้ำหนัก)

วันที่ 6
เช้า ไข่ต้ม 2 ฟอง
กลางวัน ซุปผักรวม
เย็น ซุปผักรวม
ออกกำลังกาย  พัก

วันที่ 7
เช้า โยเกิร์ต 1 ถ้วย
กลางวัน ก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม
เย็น สลัดผักสด
ออกกำลังกาย  พัก (ชั่งน้ำหนัก)

สูตรอาหารลดน้ำหนัก สลัดผลไม้

          สูตรอาหารนี้ซึ่งจะมีทั้งหมด 7 สูตรด้วยกันนะครับ สามารถนำมาใช้กับ
โปรแกรมลดน้ำหนัก 7 วันได้ครับ

          นำชมพู่ ฝรั่ง แอปเปิ้ล สับปะรด มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ พอคำ ใส่ชามแล้วราดด้วยโยเกิร์ตรสใด
ก็ได้ที่ชอบ กินเป็นอาหารเช้าหรือเย็นก็ได้ กินซัก 1 ชามใหญ่ๆ ก็ไม่อ้วน

สูตรอาหารลดน้ำหนัก สลัดทูน่าประยุกต์

          สลัดทูน่านี้เป็นอาหารลดน้ำหนักที่มีประโยชน์ทีเดียว  อร่อยแถมยังแคลอรี่ต่ำอีกด้วย
น่าจะช่วยให้ลดน้ำหนักได้อย่างมีความสุขมากขึ้น

          เทปลาทูน่ากระป๋อง (เอาชนิดในน้ำเกลือ อย่าเอาที่อยู่ในน้ำมัน) ใส่จาน บีบมะนาว 1 ผล
โรยพริกไทยมากๆ จากนั้นซอยแตงกวาและผักกาดแก้วกับหอมใหญ่ลงไป โดยไม่ใส่น้ำสลัด
(ใส่ผักได้เยอะเท่าที่ต้องการ) ทานเป็นอาหารกลางวันหรือเย็นได้เลย

สูตรลดน้ำหนักในวัง

**ก่อนรับประทานอาหาร ควรดื่มน้ำก่อน 2 แก้ว**

วันแรก
มื้อเช้า : น้ำผลไม้หรือโยเกริต์ มื้อกลางวัน : ไข่ต้มสองฟอง มื้อเย็น : สลัดผัก

วันที่สอง
มื้อเช้า : น้ำผลไม้หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่ครีม มื้อกลางวัน : ไข่ต้มสองฟอง มื้อเย็น : โยเกริต์

วันที่สาม
มื้อเช้า : โยเกริต์หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่ครีม มื้อกลางวัน : เกาเหลาลูกชิ้นหมู มื้อเย็น
: สับปะรด 1 ชิ้น

วันที่สี่
มื้อเช้า : ขนมปัง 1 แผ่น น้ำผลไม้หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่ครีม
มื้อกลางวัน : สลัดผักและไก่ย่าง 1 ชิ้น มื้อเย็น : โยเกริต์

วันที่ห้า
มื้อเช้า : น้ำผลไม้หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่ครีม มื้อกลางวัน : ส้มตำและไก่ย่าง 1 ชิ้น
มื้อเย็น : สลัดผัก

วันที่หก
มื้อเช้า : น้ำผลไม้หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่ครีม มื้อกลางวัน : ปลานึ่งหรือปลาเผา
มื้อเย็น : นมสด

วันที่เจ็ด
มื้อเช้า : ข้าวสวย 1 ทัพพี และหมูย่าง 1 ชิ้น หรือ ข้าวสวย 1 ทัพพี และไข่ต้ม 1 ลูก
มื้อกลางวัน : เกาเหลาลูกชิ้นหมู มื้อเย็น : สับปะรด 1 ชิ้น

วันที่แปด
มื้อเช้า มื้อกลางวัน มื้อเย็น : ให้รับประทานอะไรก็ได้ตามใจชอบ แต่ถ้าอยากลดน้ำหนักต่อ
ให้เริ่มทำตั้งแต่วันแรก
สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่า การลดน้ำหนักที่ได้ผลดีที่สุด คือ กินให้เป็นเวลา งดของจุกจิก
และออกกำลังกาย เราไม่จำเป็นต้องผอมอย่างนางแบบปลิวลม เพราะนั่นคืองานของเค้า
หุ่นของคนเราไม่ได้ออกมาให้มีมาตรฐานว่าคนผอมต้องไซด์เท่าไหร่
บางคนลดให้ตาย แต่เป็นคนที่มีเนื้อ ก็ไม่สามารถผอมได้เท่านางแบบจนแก้มตอบ
 เอาเป็นว่ามีสัดส่วนที่เหมาะสมดีที่สุด หรืออีกอย่างคือ ลดเฉพาะส่วนก็เวิคนะคะ
หลากหลายสูตรมากมายที่นำมาเสนอ  คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆได้
ขอเป็นกำลังใจให้สาวๆทุกคนมีหุ่น และสุขภาพที่ดีกันถ้วนหน้าครับผม
ที่มา....thaifoodDB.com ขอบคุณครับ

อาหารลดความอ้วน

อาหารลดความอ้วน
อาหารลดความอ้วน "ลดไม่อด ลดอย่างไร"
คนไม่อ้วนไม่มีวันเข้าใจว่าไขมันในร่างกายเรานั้นก่อความทุกข์ให้จิตใจมาก
ขนาดไหน คิดไปแล้วก็แปลกที่เราช่างสรรหาการกินโน่นกินนี่กัน เพื่อที่จะไปเอามันออกใน
ภายหลัง ดูแล้วเกินเหตุเกินสภาพร่างกายจริงๆ เอาเป็นว่าวันนี้เราจะมาสรรหาวิธีกินอะไร
ที่มันไม่อ้วนกันโดยเฉพาะดีกว่า ไม่ต้องไปกำจัดมันในภายหลังให้เสียเวลา
วันนี้เรามีสูตรลดความอ้วนสูตร เด็ดมาฝากกัน ผู้เขียนรับประกันว่าได้ผล
แน่นอนเพราะลองมาแล้ว ด้วยสูตรนี้ น้ำหนักจะหายไปประมาณ 5 กิโลกรัม โดยใช้
เ วลา 24 วัน น้ำหนักที่ลดจะมากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการกินเป็นสำคัญ
ที่มาของสูตรนี้ได้มาจากชาวฝรั่งเศส ชื่อ อิวอนน์ ทรูแบรด์
เมื่อใช้สูตรนี้แล้วผิวหนังจะไม่เหี่ยวย่นซึ่งเป็นข้อดีข้อเด่นเหนือกว่าวิธีลดความอ้วนอื่นๆ
ที่เมื่อลดน้ำหนักจำนวนมาก ผิวหนังเราปรับตัวไม่ทัน จึงปรากฏเป็นรอยเหี่ยวย่นบนร่างกาย
โดยสูตรนี้ออกแบบมาให้ร่างกายสามารถเผาผลาญอาหารที่กินเข้าไปได้มากที่สุด
ไม่เหลือตกค้างสะสมเป็นไขมัน จึงไม่ใช่การอดอาหารและไม่ทำร้ายร่างกาย การจะ
ใช้สูตรนี้ได้ต้องยอมรับในหลักการที่ว่าน้ำย่อยในร่างกายเราจะมีประสิทธิภาพ ดี
ที่สุด ย่อยได้มากที่สุดเมื่อย่อยอาหารเพียงชนิดเดียวเท่านั้น เช่นย่อยแต่คาร์โบไฮเดรต
โปรตีน เป็นต้น ดังนั้นในมื้อหนึ่งๆ เราจึงกินอาหารได้เพียงชนิดเดียวเท่านั้น
สูตรลดความอ้วน สูตรนี้แบ่งช่วงการกินอาหารออกเป็น 4 ช่วง 4 ระดับความอดทน เก้าวัน
สามวัน เก้าวัน สามวัน รวมกันแล้วเป็น 24 วัน ตลอดทั้ง 24 วันนี้ อาหารเช้าจะ
เหมือนกันทั้งหมดคือ ส้มโอกับชาหรือกาแฟที่ไม่ใส่น้ำตาล ไม่ใส่นม สามารถ
ใช้ครีม เทียมและน้ำตาลเทียมแทนได้ ( ส้มโอนั้น ตำราฝรั่งจะใช้เกรปฟรุ้ตแทน)
นมและ น้ำตาลเป็นอาหารต้องห้ามตลอด 24 วัน ส่วนอาหารที่ไม่ห้ามนั้น
จะกินเท่าไหร่ก็ได้ เช่น สามารถกินส้มโอได้ไม่จำกัด 5 กิโลกรัมก็ได้ ยังอยู่ในสูตรนี้
อาหารของเก้าวันแรก เช้าคือส้มโอและกาแฟหรือชา กลางวันเป็นเนื้อสัตว์
ล้วนๆ ไม่มีข้าว ไม่มีผัก ไม่มีนมและไข่ สามารถใส่ซอสได้ กินได้มากเท่าที่ต้องการ
ไม่จำกัด แต่มีข้อแม้ว่าในหนึ่งมื้อให้กินเนื้อสัตว์เพียงชนิดเดียวเท่านั้น เช่น หมูล้วน
ไก่ล้วน ปลาล้วน ( ไม่จำเป็นว่าจะต้องมาจากตัวเดียวกัน ) เพื่อให้กระเพาะ
อาหารสามารถทำงานได้ดี มากกว่าการกินปนกันที่จะทำให้กระเพาะอาหารทำงาน
หนักขึ้น ความรู้พื้นฐานที่เอาไปใช้ในการเลือกกินได้คือ หมูมีไขมันมากที่สุด เนื้อรอง
ลงมา อาหารทะเลมีไขมันน้อย อาหารต้ม นึ่ง เผา มีแคลอรีน้อยกว่าอาหารทอด
ดังนั้นใครใคร่กินก็กินได้ไม่จำกัด แม้จะเป็นขาหมูก็ตามแต่ห้ามกินอย่างอื่นปนและ
น้ำหนักอาจลดน้อยกว่าที่คิด อาหารแนะนำคือสเต็กพริกไทย ปลาสำลีเผา กุ้งอบเกลือ
สตูว์เนื้อไม่ใส่ผัก ปลา กระพงย่างบีบมะนาว หมูทอดกระเทียม แกงจืดหมูสับล้วน
ระวังอย่ากินผักและข้าวเป็นพอ สำหรับมื้อเย็น ให้กินแต่ข้าวกล้องล้วนๆ แต่สามารถเติมซอสได้
ผัดกับกระเทียมได้ ใส่ซีอิ้ว พริกไทยได้หมด ห้ามไม่ให้มีนมกับไข่ผสมเด็ดขาด ผักและ
เนื้อสัตว์กินไม่ได้เข่นกัน อาหารแนะนำได้แก่ ข้าวผัดกระเทียมใส่ซีอิ๊วขาว ข้าวผัด
กะปิ ข้าวคลุกมันกุ้ง ข้าวผัดมันปู ข้าวคลุกน้ำพริกตาแดง ข้าวคลุกน้ำพริกต่างๆ
ข้าวคลุกพริกป่นบีบมะนาว
สามวันต่อมา ( ท่านจะเริ่มสังเกตได้ว่าน้ำหนักลดลงจนมีกำลังใจ ) มื้อเช้า
ยังคงเหมือนเดิม มื้อกลางวันและเย็นเป็นผลไม้ล้วนๆ ห้ามมีอย่าง
อื่นเกี่ยวข้อง ผลไม้อะไรก็ได้ที่ใกล้มือ หาง่าย ทุเรียนก็ได้ มะม่วงก็ได้ กินเท่าไหร่ก็ได้
แต่ต้องกินเป็นมื้อ ไม่ใช่กินจุบจิบ ทีนี้ท่านที่จ้องจะกินแต่ทุเรียนและมะม่วงสุก
น้ำหนักอาจลดน้อยกว่าที่ควร ระวังกันไว้หน่อยดีกว่า
เก้าวันชุดที่สอง ระดับความอดทนมากขึ้นไปอีกคือ นอกจากอาหารเช้าที่
เหมือนเดิมแล้ว มื้อที่เหลือเป็นผักล้วน แต่โชคดีที่ฝรั่งเค้านับมันฝรั่ง เผือก ข้าวโพด
เป็นผักด้วยเหมือนกัน อาหารแนะนำได้แก่ คะน้าผัดน้ำมันหอย ผักนึ่งจิ้มน้ำพริก
ผัดผักทุกอย่าง สลัดผักน้ำใส ( ที่ไม่ใส่นม ไข่ และน้ำตาล )
สามวันสุดท้าย ไม่ยากแล้วค่ะ มื้อเช้ายังเหมือนเดิม นอกนั้นเราจะกลับมา
กินแต่ผลไม้ล้วนๆ
เมื่อครบสูตรนี้แล้วน้ำหนักจะลดลงทันตาเห็น ยิ่งถ้าใครสามารถคุมอาหาร
เลือกที่มีแคลอรีและไขมันน้อยๆได้ น้ำหนักจะยิ่งลดมากกว่า 5 กิโลกรัมอีก
ตัวอย่างเช่น เลือกกินปลามากกว่าขาหมู ส้มมากว่าทุเรียน เป็นต้น ทีนี้เราต้องระวัง
อีก สูตรอาหาร 24 วันนี้ ถ้าพลาด ผิดหรือเผลอไปหมายถึงให้เริ่มวันแรกใหม่ เริ่มตั้ง
ต้นใหม่หมด เมื่อครบ 24 วันแล้ว เราสามารถกลับไปกินอาหารแบบก่อนเริ่ม
ทำได้อีก แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ระวังเรื่องน้ำหนักเลย สูตรไหนก็เอาไม่อยู่
วิธีนี้เป็นวิธีลดน้ำหนักที่เกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร โดยเฉพาะ หลังจากทำครบ
สูตร ถ้าอยากผอมตลอดโดยไม่ต้องควบคุมปริมาณอาหารเลย ( หมายถึงกิน
มากเท่าไหร่ก็ได้ ) ขอแนะนำให้ใช้วิธีนี้ คือ ถ้าจะกินเนื้อ ให้กินเนื้อชนิดเดียวกัน
ในแต่ละมื้อและกินร่วมกับผัก ห้ามกินพร้อมกับอาหารพวกแป้ง ถ้าจะกินอาหารพวก
แป้งเช่นข้าว ก็ห้ามกินพร้อมกับโปรตีน ให้กินกับผักแทน
ข้อแนะนำอีกอย่าง ผลไม้เป็นอาหารที่แนะนำให้ติดบ้านไว้ตลอดเลย เพราะ
ผลไม้ใช้เวลาอยู่ในกระเพาะเราน้อย แต่อาหารหนักจะอยู่นาน ดังนั้นเพื่อสุขถาพ
เราควรกินผลไม้ก่อนกินอาหารหลัก ประมาณ 15 - 30 นาที วิธีนี้เราจะมีระบบ
ย่อยอาหารที่ดีและมีผลไม้ไปตัดกำลังการกินอาหารหลักของเรา ทำให้เรากินน้อยลง
เองโดยธรรมชาติ
เป็นยังไงกันบ้างครับ สนใจกันรึเปล่า หรือว่ายากเกินไป เราคงต้องเข้าใจว่า
โลกนี้มีสมดุลนะครับ ถ้าเราไม่คิดจะควบคุมปริมาณก็เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องควบคุม
คุณภาพครับ เป็นเรื่องช่วยไม่ได้จริงๆ ( ที่มาจาก เว็บบอร์ด คณะสถาปัตยกรรม
ศาสตร์ จุฬาฯ รุ่น 62 ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ครับ )